กรุงเทพฯ – โฮจิมินห์ – ดาลัด – มุยเน่ – โฮจิมินห์ – กรุงเทพฯ (ตอนที่ 1)
ในเมื่อทริปนี้มีตั๋วเครื่องบินไปโฮจิมินห์จะรออะไรอยู่ล่ะครับ ก็รีบทำข้อมูลแบบด่วนๆ ว่าที่ เวียดนามมีอะไรน่าเที่ยวบ้างนอกจากที่โฮจิมินห์ หาข้อมูลมาเยอะมาก สุดท้ายมาจบที่รูท โฮจิมินห์ – ดาลัด – มุยเน่ ก่อนที่จะบินมาดูก่อนครับว่าไปเวียดนามต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง ยิ่งไปทั้งเมืองหนาวและเมืองทะเลทรายริมชายหาด บอกเลยว่าอารมณ์ขัดกันแบบสุดๆ
แน่นอนละครับหลังจากที่ทำการบ้านรวมถึงการเดินทางทำให้รู้ว่าต้องเตรียมตัวไปยังไง หลักๆเลยก็บรรดาเสื้อผ้า 2 สไตล์ สองแบบ คือแบบกันหนาวกับแบบสวมใส่สบาย ยาต่างๆที่เราต้องใช้ ปลั๊กใช้แบบไทยได้เลย เตรียมปลั๊กพ่วงไปเท่านั้นก็พอ แบตสำรอง รองเท้าแตะ กล้องถ่ายรูป ส่วนอย่างอื่นก็เพิ่มเติมเอาสะดวกครับ
King Power |
เดินทางวันแรกผมเดินทางด้วยสายการบิน Vietjet Air ได้เวลาค่อนข้างดีคือ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ตอน 14.00น. ถึงโฮจิมินห์ตอน 15.30 น. ตารางเวลาจริงๆเวลาจะดีกว่านี้ พอดีว่าได้เมลล์ก่อนว่าเครื่องจะดีเลย์ พอถึงสนามบินผมก็รีบเช็คอินและผ่านด่านตรวจคนออกเมืองก่อนเป็นอย่างแรก แต่มีเวลาเหลือเกือบชั่วโมงเลยแวะเข้าไปใช้บริการเล้าจน์ของ King Power สักหน่อย เพราะว่ามีบัตรเครดิตที่สามารถเข้าใช้บริการได้
King Power |
King Power |
King Power |
ในเล้าจน์มีอาหาร ขนม เครื่องดื่มไว้บริการครับ อาหารมีผัดซีอิ๊ว โจ๊กไก่ ส่วนขนมจะเป็นเค้กกาแฟ เค้กส้มและคุกกี้ เครื่องดื่มก็จะมีน้ำส้ม น้ำกระเจี๊ยบ กาแฟสด แล้วแต่จะเลือกเลยครับ หลังจากที่อิ่มท้องก็เดินไปรอเครื่องที่เกต
Vietjet Air เป็นสายการบินโลว์คอสของเวียดนาม ส่วนมากใช้เครื่อง แอร์บัส A320-214 หกแถว ขาสามารถยืดได้พอสมควรครับ ไม่อึดอัดส่วนอาหารบนเครื่องขาไปผมไม่ได้สั่งครับ สั่งขากลับ เพราะคิดว่าก่อนขึ้นเครื่องต้องอิ่มก่อนแน่ๆ
โฮจิมินห์ |
จากสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาแค่ ชั่วโมงครึ่งก็ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ตโฮจิมินห์ และแล้วการเดินทางของผมที่เวียดนามในครั้งแรกก็เริ่มขึ้น ที่หมายแรกที่ผมต้องเดินทางไปในเวียดนามคือ Vietsea บริษัททัวร์ที่คนไทยหลายคนรู้จักอยู่แถวฟามงูเหลา เพื่อซื้อตั๋วรถจากโฮจิมินห์ไปดาลัด จากดาลัดไปมุยเน่และจากมุยเน่กลับโฮจิมินห์ นอกจากตั๋วรถผมก็จองที่พักกับ Vietsea เลยทีเดียว เพราะง่ายดีไม่ต้องเดินหา ที่พักเราสามารถดูตามราคาที่เราต้องการได้ ของผมค่าที่พักตกประมาณ 15-20 ดอลล่าร์ เลยแถมท้ายด้วยการซื้อทัวร์ครึ่งวันของมุยเน่ไปด้วย รวมๆก็หมดไปประมาณ 100 ดอลล่าร์ ความคุ้มค่ากับการซื้อที่นี่ติดตามอ่านได้เลยครับ
ค่าซิมโทรศัพท์ |
แลกเงินบนจะราคาสูงกว่าด้านล่าง |
ย้อนเรื่องมาที่สนามบินก่อนครับ หลังจากที่ลงเครื่องก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งที่โฮจิมินห์ไม่ต้องกรอกใบเข้าเมืองนะครับ จากนั้นก็แลกเงินและซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ ซึ่งที่แรกเลยที่มีขายคือตรงด่านตรวจคนเข้าเมือง พอผ่านด่านก็เค้าเตอร์อยู่ด้านซ้ายมือ ผมก็ซื้อจากตรงนี้เพราะบอกแล้วว่าเพิ่งเคยมาครั้งแรกอะไรที่คว้าได้ก่อนก็รีบคว้าครับ
ด้านล่างมีซิมโทรศัพท์ขายเยอะมาก |
ซิมที่ซื้อใส่โทรศัพท์ไปแล้วครับ |
ซิมที่ผมซื้อราคาราวๆ 450 บาท เล่นเน็ตได้ไม่อั้นและโทรในเวียดนามได้ ที่เลือกโทรด้วยเพราะว่าถ้ามีปัญหาอะไรอย่างน้อยก็ยังสามารถโทรสอบถามได้ แต่สำหรับคนที่จำกัดงบก็ซื้อซิมเน็ตอย่างเดียวก็ได้ครับ ราคาก็จะถูกลง ซึ่งจากจุดที่ผมซื้อพอรับกระเป๋าแล้วก็จะมีอีกหลายร้านให้เลือกตามใจชอบครับและสามารถแลกเงินดองได้ในบริเวณเดียวกัน เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เดินไปขึ้นรถเมล์สาย 512 สีเขียวๆ ออกจากประตูสนามบินแล้วเดินไปทางขวามือครับจะเห็นรถจอดอยู่ ถ้าไม่เห็นก็ยืนรอสักพักครับเดี๋ยวก็มา ค่ารถรวมกระเป๋าอยู่ที่ 10,000 ดอง แต่ที่หาข้อมูลมาคือ 5,000 ดอง เลยไม่รู้ว่านี่คือการโดนฟันครั้งแรกที่เวียดนามหรือเปล่า ระหว่างนั่งรถก็ใช้เน็ตให้คุ้มครับ เปิด Google Map ดูที่หมายไปด้วย
เดินออกจากประตูไปทางขวาเพื่อรอรถเมล์เข้าเมือง |
ขึ้นมาแล้ว ความรู้สึกเหมือนโดนฟันค่าโดยสาร |
หลังจากที่นั่งรถมา Vietsea จัดการซื้อตั๋วรถ ที่พัก ทุกอย่างเสร็จมีเวลาเหลือประมาณ สามสี่ชั่วโมง เพราะว่ารถนอนออกตอนสี่ทุ่ม เลยเดินเล่นใกล้ๆแล้วหาอาหารพื้นเมืองกินแถวๆนั้น
ย่านบันเทิงที่มีรถเยอะมาก |
มื้อแรกของทริปกับร้านธรรมดาริมทาง |
หน้าตาคล้ายหมี่กระทิรสชาติหวานๆ |
สารพัดหอยเลยต้องลอง |
รสชาติหวานๆอร่อยดี |
แถวฟาร์มงูเหลามีงานเทศกาลอาหารพอดี |
ร้านอาหารไทยในเทศกาลอาหารคนเยอะมาก |
ซึ่งมื้อแรกที่เวียดนามเป็นเส้นหมี่อะไรสักอย่าง คล้ายๆหมี่แห้ง มีไข่เจียวหั่นเส้นมีน้ำราดหวานๆ ก็อร่อยดีครับ 25,000 ดอง ก็สัก 45 บาท จากนั้นเห็นรถเข็นมีหอยสารพัดเลยลองสั่งมากินอีก การทำอาหารคือ เอากระเทียม พริก มาเจียวแล้วใส่หอยลงไปผัด จากนั้นใส่ผักบุ้งและน้ำอะไรสักอย่าง แต่รสชาติอร่อยครับ โดนไปอีก 30,000 ดอง และตบท้ายด้วย ไซ่งอนเบียร์ เพราะว่าอยากรู้รสชาติเป็นยังไงแล้วก็กลับไปรอรถที่ Vietsea
เดินทางต่อที่รถนอนครับ รถนอนที่นี่ไม่เหมือนที่ไทยนะครับ ทีแรกบอกรถสองชั้นก็คิดว่าเป็นสองชั้นแบบไทยแต่เปล่าเลย ลองนึกภาพเตียงนอนสองชั้นที่มีขนาดเท่าเก้าอี้พิงหลังขนาดพอดีตัวที่ปรับนอนได้ มีทั้งหมดสองชั้น สามแถว คือ ซ้าย กลาง ขวา ตอนขึ้นต้องถอดรองเท้าใส่ถุง จุดนี้ใครกระเป๋าถือใบใหญ่ก็ลำบากหน่อย เสื้อผ้าควรเป็นแบบที่หลวมๆไม่คับ ไม่อย่างนั้นอึดอัดครับและแอร์รถเย็นมาก ตอนผมเดินทางประมาณ 4 ทุ่มถึงดาลัดตี4ครึ่งมีรถไปส่งที่โรงแรมฟรีระหว่างทางมีแวะเข้าห้องน้ำครั้งหนึ่งครับ ซึ่งตอนเข้าห้องน้ำเราไม่ต้องเอารองเท้าลงไปเพราะเขามีรองเท้าแตะให้ด้วย
สภาพรถที่ไปแล้วแต่ดวงเรานะครับ |
รถนอนสองชั้น |
ที่พักที่ผมนอนไม่ได้อยู่ใกล้ตลาดดาลัดมากนัก ส่วนมากนักท่องเที่ยวไปจะไปนอน ทิวลิป ใกล้ตลาดเลยครับ ของผมออกมาอีกหน่อยกับห้องพัก 17 ดอลล่าที่มีของให้ครบแม้กระทั่งไดร์เป่าผม ผมว่าก็โอเคครับ แต่อย่างที่บอกใครอยากสะดวกให้เน้นใกล้ตลาดดาลัดครับ
หลังจากที่ได้เช็คอินก็ขอตัวอาบน้ำก่อนเลยครับเพราะการเดินทางถึงแม้ว่าจะเป็นรถนอนแต่ถ้าได้อาบน้ำก็สดชื่นพร้อมลุยดาลัดครับ ความจริงโรงแรมที่ผมพักมีรถให้เช่าแต่ว่าตอนที่ผมจะไปเช่าอาจจะสายไปสักหน่อยรถเลยไม่เหลือ ต้องเดินข้ามถนนมาเช่าแทน เขาก็จะถามว่าเราพักที่ไหน ขอพาสปอร์ตเราไว้ ผมจ่ายค่าเช่าไป 100,000 ดอง ก็ร้อยกว่าบาท เติมน้ำมันไปอีก 20,000 ดอง เพราะเปิดดูถังน้ำมันแล้วว่ายังมีเหลือพอสมควร
ไม่รู้จักว่าอะไรแต่ก็อร่อยดี |
แต่ก่อนที่จะขี่รถเที่ยวดาลัดก็ต้องหาอะไรกินก่อนสิครับไม่อย่างนั้นจะหมดแรงซะก่อน มื้อเช้ามื้อแรกที่ดาลัดเป็นร้านที่ไม่ได้ตั้งใจจะมากิน แต่เป็นร้านขายอาหารธรรมดาที่อยู่ริมถนนบังเอิญขี่ผ่านเลยลองแวะกินอาหารพื้นเมืองดู อาหารที่ว่าเป็นอาหารเส้นเหมือนๆเส้นขนมจีน แต่อยู่ในน้ำก๋วยเตี๋ยว มีหมูแดง เต้าหู้ทอดและเนื้อก้อน เจ้าเนื้อก้อนที่ว่าคือเนื้ออะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาจะเสิร์ฟมาพร้อมผักซอย มีน้ำราดเป็นซอสรสเผ็ด ผมว่าก็อร่อยแปลกๆดีครับ แต่ที่ขาดไม่ได้ในมื้อเช้าคือ กาแฟครับ เป็นกาแฟดริ๊ฟตามฉบับเวียดนาม กาแฟหยดทีละนิด สีเข้ม กลิ่นหอม รวมค่าเสียหายก็ 40,000 ดองครับ อ่อส่วนมากเขาไม่พูดภาษาอังกฤษนะครับสื่อสารค่อนข้างยากใช้ภาษามือซะเยอะและบางทีเวลาจ่ายเงินถ้าเราเอาเงินออกมาเยอะเขาจะดึงค่าใช้จ่ายเองจากมือเรานะครับหรือบางคนก็จะเอาแบงค์ให้เราดูว่าเราต้องจ่ายเขาเท่าไร
ท้องอิ่มคนพร้อม รถพร้อมว่าแต่ที่หมายแรกคือน้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall) ที่มี โรลเลอร์คอสเตอร์ ไปทางไหนล่ะ เปิด Google Map สิครับแล้วไปตามนั้นเลย จากที่ผมอยู่คือใกล้ทะเลสาบกลางเมืองดาลัด ต้องขี่รถออกจากเมืองไปประมาณ 7 กิโลเมตรก็ถึงแล้วครับ ระหว่างทางอารมณ์เหมือนขี่รถอยู่บนดอย อากาศเย็น สองข้างทางเป็นป่าสนสองใบ สามใบมีดอกบัวตองเป็นระยะ อากาศหนาวได้ใจ แต่เวลาขี่รถมอเตอร์ไซด์ที่นี่ก็ต้องตามธรรมเนียมครับ กดแตร กดเข้าไปครับไม่มีใครโกรธ ดีกว่าชนครับ
หลังจากจอดรถก็ต้องซื้อบัตรผ่านครับ 20,000 ดอง จากนั้นด้วยความที่อยากเล่นโรลเลอร์คอสเตอร์ ก็ควักอีก 50,000 ดอง สำหรับนั่งไปกลับ ขาไปเป็นทางลงมีโค้งให้ได้เสียว ส่วนความเร็วอยู่ที่มือเราบังคับว่าจะเร็วจะช้าขนาดไหน เพราะมันจะไหลไปตามแรงโน้มถ่วง พอลงไปถึงด้านล่างก็เดินเล่นถ่ายรูปน้ำตกแล้วก็ขึ้นโรลเลอร์คอสเตอร์กลับ ขากลับทางจะชันมากคนละฟิลกับขามา แต่ก็ดีครับเพราะว่าถ้าขากลับเดินขึ้นคงเพลียน่าดู
กิจกรรมที่น้ำตกเสร็จก็ถึงเวลาขี่รถเล่นให้ทั่วดาลัด ขี่วนไปมาเจอไร่สตอเบอรี่และไป วัดตั๊กลัม (Truc Lam)
ก่อนที่จะเย็นไปแวะสวนดอกไม้ เพราะที่นี่ถือว่าเป็นอีกที่หนึ่งที่ต้องแวะ ก่อนเข้าก็มีค่าธรรมเนียมตามระเบียบครับ ด้านในมีการจัดส่วนสวนดอกไม้ชนิดต่างๆถ้ามีเวลาก็เดินเล่นชิลๆได้ครับ
แต่ทีเด็ดอยู่ที่ตอนเย็นครับ เพราะว่าผมไปแถวตลาดหาของกิน มีของขายเยอะมาก ทั้งเฝอ หอย ขนมและอะไรอีกก็ไม่รู้ สุดท้ายมืดครับ เอารถไปคืนรับพาสปอร์ตคืนแล้วอาบน้ำนอนเพราะวันรุ่งขึ้นต้องเดินทางต่อไปมุยเน่ เมืองที่มีทะเลทรายและชายหาด
ติดตามต่อตอนที่ 2 การเดินทางจากดาลัดสู่มุยเน่
http://www.meesookde.com/2016/01/darat-muine-vietnam2.html
http://www.meesookde.com/2016/01/darat-muine-vietnam2.html
www.meesookde.com
www.facebook.com/meesookde
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น